“รัดเกล้า” ชื่นชม กิจกรรมโรงเรียนผู้สูงอายุ ย้ำชุมชนเข้มแข็ง ผลักดันการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างปฏิสัมพันธ์ในสังคมผู้สูงอายุ

24 เมษายน 2567

โรงเรียนผู้สูงอายุชุมชนวัดไชยทิศ ส่งเสริมพัฒนาทักษะด้านอาชีพ เสริมสร้างสังคมผู้สูงวัย ห่างไกลโรค

วันนี้ (24 เมษายน 2567) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมงานที่โรงเรียนผู้สูงอายุชุมชนวัดไชยทิศ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ จัดขึ้นเพื่อสร้างเครือข่ายและแลกเปลี่ยนความรู้กับ โรงเรียนผู้สูงอายุเทศบาล ตำบลพลับพลา จังหวัดจันทบุรี โดยวัตถุประสงค์ของงานคือการเสริมสร้างทักษะการพัฒนาด้านอาชีพ สร้างรายได้เสริมจากการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และสร้างปฏิสัมพันธ์ให้สังคมผู้สูงอายุมีความเข้มแข็งทั้งทางกายและทางใจ ซึ่งทั้งสิ้นนำไปสู่เป้าหมายหลักคือ การให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตพึ่งพาตนเอง มีรายได้เป็นของตนเอง และอยู่กับสังคมได้อย่างมีคุณค่า โดยในงานนั้น มีการแบ่งปันองค์ความรู้ด้านวิชาอาชีพที่หลากหลาย เช่น การทำกระเป๋าจักสาน การทำขนมตาล การทำผลิตภัณฑ์ยาหม่องสมุนไพร ฯลฯ เป็นต้น โดยมุ่งเน้นว่าปัจจัยสำคัญของการทำงาน คือการที่ผู้สูงอายุค้นพบเจอสิ่งที่ตนเองชอบและได้ทำในสิ่งนั้น ได้เจอเพื่อนและได้ทำงานไปด้วยกัน

นางนุกูล กรชนะ ผู้อำนวยการโรงเรียนผู้สูงอายุชุมชนวัดไชยทิศ เปิดเผยว่าโรงเรียนผู้สูงอายุชุมชนวัดไชยทิศ ริเริ่มการทำงานมาตั้งแต่ พ.ศ. 2559 โดยปัจจุบันมีหลักสูตรการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ครอบคลุมทั้ง 6 มิติ ได้แก่ ด้านสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตที่ดี ด้านเศรษฐกิจวิชาชีพ ด้านศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม ด้านสังคม สิ่งแวดล้อม จิตอาสา ด้านเทคโนโลยีและการสื่อสาร และสุดท้าย ด้านสวัสดิการ

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชื่นชมโรงเรียนผู้สูงอายุชุมชนวัดไชยทิศ อีกทั้งยังย้ำว่า กิจกรรมสร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างปฏิสัมพันธ์ในสังคมผู้สูงอายุ นี้เป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างมาก สอดคล้องนโยบายรัฐเป็นอย่างมาก ล่าสุด ทางกระทรวงแรงงานก็ได้จัดทำรายงานการพิจารณาศึกษาเรื่อง “ส่งเสริมและขยายโอกาสการมีงานทำและการจ้างงานผู้สูงอายุที่เหมาะสมกับวัยและประสบการณ์” ของคณะกรรมาธิการการแรงงาน วุฒิสภาเข้าสู่ ครม. ซึ่งหนึ่งในข้อแนะนำที่น่าสนใจคือการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการภาคเอกชนให้จ้างงานผู้สูงอายุ

นอกจากนั้น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เองก็ได้มีประกาศไปเมื่อ มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ในเรื่องของการให้บริการสงเคราะห์ผู้สูงอายุในภาวะยากลำบาก เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ได้รับความเดือดร้อนด้านที่พักอาศัย อาหารและเครื่องนุ่งห่ม ประสบปัญหาด้านครอบครัว ถูกทารุณกรรม ถูกแสดงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ถูกทอดทิ้ง ไม่เกินวงเงินครั้งละ 3,000 บาท ไม่เกิน 3 ครั้ง/คน/ปี และต่อมาใน เมษายน 2567 พม. ก็ได้ยื่นข้อเสนอเชิงนโยบายสำหรับวิกฤตประชากรและผู้สูงวัย เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงความท้าทายในด้านต่าง ๆ แก่ ครม. และได้รับมติเห็นชอบเช่นเดียวกัน

“ที่ยกตัวอย่างมาข้างต้น เป็นเพียงแค่ 2 - 3 นโยบายตัวอย่างจากภาครัฐที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุที่นับวันก็มีจำนวนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้สูงอายุท่านใดมีความพร้อมในการทำงาน รัฐส่งเสริมให้มีการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ และผู้สูงอายุท่านใดขาดการดูแลและต้องการความช่วยเหลือ ทางรัฐก็ได้สำรองงบประมาณเพื่อดูแลเช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าความช่วยเหลือจากนโยบายของทางรัฐ คือความเข้มแข็งและขยันขันแข็งของชุมชน ภาพที่ได้เห็นวันนี้น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง และอยากชวนให้ชุมชนอื่น ๆ ในประเทศลุกขึ้นมาทำโรงเรียนผู้สูงอายุเช่นนี้กันเยอะ ๆ ขอชวนให้ชุมชนที่สนใจอยากเรียนรู้จากโรงเรียนผู้สูงอายุชุมชนวัดไชยทิศ ติดต่อประสานผู้อำนวยการโรงเรียนฯ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และสร้างเครือข่ายระหว่างกัน” รองโฆษกฯ รัดเกล้า เสริม

โปรดเลือก