​“รองนายกฯสมศักดิ์-กฤษฎา-อนุชา” ถก คณะทำงานโครงการโคแสนล้าน ได้ข้อยุติ ธ.ก.ส.ให้อัตราดอกเบี้ย 4.5% ปลอดดอกเบี้ย 2 ปีแรก ชี้ วัวเป็นหลักประกันได้ เตรียมนำข้อสรุปชงคณะรัฐมนตรี

27 มีนาคม 2567

วันที่ 27 มีนาคม 2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะทำงานดำเนินโครงการโคแสนล้านนำร่อง โดยมี นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายเบญจพล นาคประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ที่ทำเนียบรัฐบาล

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบในหลักการโครงการโคแสนล้านนำร่อง เมื่อวันที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา แต่ยังมีรายละเอียดที่ต้องพิจารณาต่อ จึงมอบหมายให้กระทรวงการคลัง ร่วมกับกองทุนหมู่บ้านฯ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งคณะทำงานชุดนี้ เพื่อพิจารณารายละเอียด เช่น อัตราดอกเบี้ยที่รัฐต้องรับภาระชดเชย กรอบวงเงินงบประมาณ และกำหนดเวลาที่เกษตรกรต้องชำระคืนเงินกู้ เพราะเรื่องอัตราดอกเบี้ย ธ.ก.ส.ได้มีหนังสือแจ้งอัตราดอกเบี้ย กลับมายังกองทุนหมู่บ้านฯแล้ว อยู่ที่ 5.46 % ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังมีความกังวลเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ยังสูงอยู่

ขณะที่ นายกฤษฎา กล่าวว่า เรื่องอัตราดอกเบี้ย ที่ ธ.ก.ส.กำลังพิจารณาอยู่นั้น ตนมองว่า สามารถนำวัวเป็นหลักประกันได้ ซึ่งจะทำให้ความเสี่ยงลดน้อยลง โดยจากที่ตนได้มีโอกาสหารือกับผู้บริหาร ธ.ก.ส. จึงได้ข้อยุติเรื่องอัตราดอกเบี้ยแล้วคือ มีอัตราดอกเบี้ย 4.5% และไม่มีอัตราชดเชย NPL เพราะเราสามารถนำวัวเป็นหลักประกันได้ ซึ่งถ้าเกษตรกรมีการขายวัว ก็ต้องคืนเงินกู้ นอกจากนี้ ตนขอเสนอแนะให้กองทุนหมู่บ้านฯ ติดตามผลการดำเนินโครงการกับผู้เข้าร่วมโครงการอย่างใกล้ชิด พร้อมฝากช่วยดูตลาดรองรับด้วย

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ต้องขอขอบคุณ นายกฤษฎา ที่ได้ช่วยหารือเรื่องอัตราดอกเบี้ยจนได้ข้อยุติแล้ว ทำให้โครงการโคแสนล้าน สามารถเดินหน้าได้อย่างเต็มที่ ซึ่งข้อสรุปทั้งหมดจากคณะทำงาน จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้งในสัปดาห์หน้า โดยมีข้อสรุปอัตราดอกเบี้ย อยู่ที่ 4.5% ซึ่ง 2 ปีแรกปลอดดอกเบี้ย ส่วนปีที่ 3 มีดอกเบี้ย ปีที่ 4 ต้องจ่ายคืนเงินต้น 50% พร้อมดอกเบี้ย และปีที่ 5 จ่ายคืนทั้งหมด พร้อมดอกเบี้ย โดยมีระยะเวลาเข้าร่วมโครงการ 1 ปี ซึ่งตนมั่นใจว่า การเลี้ยงวัว จะเป็นอาชีพเสริมให้กับประชาชนได้ เพราะวัวมีการโตเร็วกว่าดอกเบี้ยอย่างแน่นอน จะทำให้คนไทยปลดล็อกจากการเป็นหนี้ได้ โดยการประชุมวันนี้ ถือเป็นทิศทางที่ดี ที่สามารถได้ข้อยุติในรายละเอียดของโครงการครบถ้วนทั้งหมดแล้ว พร้อมที่จะเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาในสัปดาห์หน้า

โปรดเลือก